วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

"หมอน"



นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2550
ขอหมอนใบนั้น ไว้ฝันยามหนุนนอนที่ Parker & Morganโดย สุภัทธา สุขชู

"หมอน" คำเดียวสั้นๆ แต่มีความหมายต่อชีวิตคนเราจนไม่ควรมองข้าม หมอนอาจทำให้คุณหลับสนิท นอนฝันหวาน หรือตื่นขึ้นมาพบกับฝันร้ายจากความปวดเมื่อย อ่อนเพลีย ที่สำคัญ คนเรานอนหนุนหมอนอยู่ร่วม 1 ใน 3 ของวัน หรือก็คือ 1 ใน 3 ของอายุขัย แล้ววันนี้คุณใส่ใจกับหมอนใบนั้นของคุณดีพอหรือยัง? ทุกคนล้วนตระหนักดีว่าการนอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลาที่กล้ามเนื้อและอวัยวะทุกส่วนจะได้พักอย่างเต็มที่ ร่างกายจะใช้ช่วงเวลาแห่งการหลับลึกในการซ่อมแซมตัวเอง หลายคนให้ความสำคัญกับการตกแต่งห้องนอนให้ดูสวยงาม ใช้เวลาอยู่เกือบครึ่งวันเพื่อมองหาเตียงที่หนานุ่มน่านอนและผ้าปูที่นอนลวดลายถูกใจ แต่จะมีสักกี่คนที่พิถีพิถันกับ "หมอนใบนั้น" ของตัวเอง ทั้งที่หมอนใกล้ชิดกับตัวเรามากกว่าที่นอนเสียอีก ไม่เพียงจะช่วยให้หลับฝันหวาน หมอนยังส่งผลต่อสุขภาพกายและใจ ดังที่ ดร.เจมส์ บี. มาส ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนจาก Cornell University เจ้าของหนังสือชื่อ Power Sleep เขียน เอาไว้ว่า "หมอนที่ดีถือเป็นอีกสิ่งจำเป็นในชีวิต เพราะมีผลต่อสุขภาพในระยะยาว" ดร.เจมส์ให้คำนิยามว่า "หมอนที่ดี" เป็นหมอนที่รองรับศีรษะและต้นคอให้อยู่ในแนวระนาบเดียวกับกระดูกสันหลัง ช่วยให้หลับอยู่ท่าทางที่สบายและเป็นธรรมชาติได้ตลอดคืนหมอนที่ดีสำหรับแต่ละคนต่างกันไปตามลักษณะท่านอนและปัญหาสุขภาพส่วนตัวเป็นสำคัญ ถ้าหมอนที่ใช้ไม่เหมาะกับผู้ใช้ นอกจากจะทำให้นอนหลับไม่สนิท ยังก่อให้เกิดปัญหามากมาย เช่น ปวดกล้ามเนื้อที่บริเวณคอไหล่และหลังเรื้อรัง ภูมิแพ้ที่เกิดจากไรฝุ่นที่ฝังตัวอยู่ในหมอนเข้าไปในร่างกาย เป็นต้น หมอนที่ดีต้องไม่สูงหรือเตี้ย ไม่นุ่มหรือแข็งจนเกินไป หมอนที่เตี้ยเกินไป เมื่อตื่นขึ้นมา จะทำให้เกิดอาการมึนศีรษะ หน้าและหนังตาบวม หมอนที่สูงเกินไปจะทำให้ปวดแขนและนอนกรนได้ หรือหมอนที่แข็งเกินไปจะทำให้เกิดปัญหาตกหมอนและเลือดไปเลี้ยงศีรษะไม่สะดวก มาถึงตรงนี้หลายคนคงอาจจะอยากเฟ้นหา "หมอนที่ดี" สำหรับตัวเองกันบ้างแล้ว แต่บางคนก็คงอดตั้งคำถามไม่ได้ว่าจะมีหมอนให้เลือกสักกี่แบบกันเชียว อันที่จริงคอนเซ็ปต์ "Personal Pillow" ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะในอเมริกาซึ่งให้ความสำคัญกับการนอนหลับอย่างมากจนถึงกับจัดตั้ง National Sleep Foundation ขึ้นมาเป็นเรื่องเป็นราว หรือแม้แต่โรงแรมห้าดาว หลายแห่งก็ใช้เมนูหมอน (Pillow Menu) เพิ่มระดับความหรูหราให้แก่โรงแรม ด้วยกระแสดูแลสุขภาพที่ลงลึกไปถึงทุกอิริยาบถในชีวิตประจำวัน รวมถึงการนอน หมอนจึงไม่ได้มีแค่นุ่น ขนเป็ด หรือใยสังเคราะห์ ยังมีวัสดุใหม่ๆ ที่ถูกคิดค้นวิจัยนำมาใส่ในหมอน เพื่อเป็นตัวเลือกที่ถูกจริตในการนอนของแต่ละคนมากที่สุด ขนอ่อนของเป็ด ขนอ่อนของห่านหรือขนนกผสมขนเป็ด ให้ผิวสัมผัสที่นุ่มฟูและแน่น คืนตัวได้ดีมากและเร็วมากโดยเฉพาะขนห่าน ราคาแพงมากโดยเฉพาะขนห่าน ไม่เหมาะกับคนที่เป็นภูมิแพ้ อีกทั้งยังมีหมอนขนสัตว์ที่จะแน่นกว่าและให้ความอบอุ่นได้ดี กลุ่มวัสดุสังเคราะห์ เช่น ใยสังเคราะห์และไมโครไฟเบอร์ ให้สัมผัสนุ่ม ปราศจากไรฝุ่น เหมาะกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ขนสัตว์ ราคาถูก แต่ไม่คงทน, เมมโมรี่ โฟม (Memory foam) เป็นวัสดุพิเศษ เป็นหมอนที่มีส่วนโค้งรองรับกระดูกต้นคอ ศีรษะ หัวไหล่ และหลัง ไม่นิ่มฟู หรือยางพารา (Latex) เป็นหมอนที่มีส่วนโค้งเช่นกัน แต่แข็งกว่า ระบายอากาศไม่ค่อยดี เป็นต้น ธัญพืชถือเป็นไส้หมอนอีกกลุ่มที่มาแรงในระยะหลัง เช่น หมอนที่ทำจากเปลือกโซบะ (Buckwheat Hull) ซึ่งหมอนชนิดนี้ใช้กันมานมนานในญี่ปุ่น ลักษณะคล้ายถุงทรายจึงปรับรูปทรงสูงต่ำตามความต้องการได้ ถ่ายเทอากาศและระบายความชื้นได้ดี แต่มีเสียงดังบ้างเมื่อขยับศีรษะและอาจต้องระวังแมลงบางชนิด รวมทั้งหมอนสมุนไพรซึ่งทำจากแกลบผสมสมุนไพรหอม เช่น กลีบกุหลาบ ใบเตย ใบยูคาลิปตัส หรือกลีบลาเวนเดอร์ เป็นต้น แกลบช่วยพยุงศีรษะและต้นคอ ส่วนกลิ่นหอมของ สมุนไพรจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย หายใจโล่ง และหลับสนิทขึ้น นอกจากนี้ยังมีหมอนไส้อื่นๆ เช่น ฟองน้ำญี่ปุ่น หญ้าญี่ปุ่นบางชนิด หรือถ่านไม้ไผ่ที่ช่วยเพิ่มกลิ่นอายความเป็นธรรมชาติ รักษาระดับความชื้นในหมอนไม่ให้แห้งหรือชื้นจนเกินไป ขณะที่ถ่านไม้ไผ่ยังมีประจุลบที่ทำให้ระบบประสาทผ่อนคลายและดูดซับกลิ่นได้ด้วย หลายคนยังอาจสงสัยต่อว่า ทำไมถึงต้องมีหมอนมากมายหลากหลายขนาดนี้? "เพราะทุกคนมีท่านอน สรีระ และปัญหาการนอนที่ต่างกันไป จึงต้องเลือกให้เหมาะกับตัวเองที่สุด" มร.เดวิด โรบินสัน ตอบในฐานะเจ้าของร้านที่มีหมอนให้เลือกถึงกว่า 90 ประเภท ในร้านที่ชื่อ Parker & Morgan บนชั้น 5 ของสยามดิสคัฟเวอรี่ คนนอนหงายเหมาะกับหมอนนุ่มปานกลางหรือแน่น ขณะที่คนนอนคว่ำควรใช้หมอนที่มีความนุ่มและควรมีหมอนใบเล็กหนุนท้อง ส่วนคนชอบนอนตะแคงควรใช้หมอนแน่นและสูง เพราะจะมีช่องว่างระหว่างศีรษะและไหล่กว้างกว่า แต่ถ้าคุณนอนพลิกตัวบ่อยๆ ควรใช้หมอน นุ่มฟูที่คืนตัวได้เร็ว เป็นต้น "เราจะแนะนำลูกค้าตามท่านอน ความชอบ ปัญหาสุขภาพของเขา และยังต้องรู้ด้วยว่าเขามีปัญหาการนอน เช่น เป็นคนหลับยาก หรือเครียดกับงานมากหรือเปล่า ฯลฯ ก่อนที่จะแนะนำหมอนให้ลูกค้าได้ไปทดลองนอนบนเตียงของเรา" พนักงานหนุ่มในร้านกล่าว ภายในร้านที่ตกแต่งอย่างอบอุ่น ด้านหนึ่งของร้านมีหมอนเรียงราย ท่ามกลางเตียง Wall-Bed ขนาดใหญ่ที่มีไว้ให้ลูกค้าได้ทดลองหนุนนอนบนหมอนแบบต่างๆ อย่างไม่ต้องมีพลาสติกคลุม นานเท่าที่จะแน่ใจว่าหมอนใบนั้นคือหมอนที่ให้ความรู้สึกสบายตัวและถูกจริตการนอนของตนมากที่สุด นอกจากความหลากหลายของวัสดุ สนนราคาของหมอนหนุนในร้านนี้ก็มีให้เลือก หลากหลายตั้งแต่ 600 กว่าบาท ไปจนถึงเกือบครึ่งหมื่นเลยทีเดียว ร้านนี้ยังมีหมอนอีกสารพัดประเภท เช่น หมอนเดินทาง หมอนข้าง หมอนพิงหลัง หมอนหนุนข้อเท้า หมอนพักแขน หมอนอิง หมอนทารก หมอนตกแต่ง หรือแม้แต่หมอนสำหรับหญิงตั้งครรภ์ สมกับที่เจ้าของร้านมักพูดว่า "หมอน เป็นเรื่องเกี่ยวกับ personal life และเป็น personal choice" นอกจากหมอน ร้านแห่งนี้ยังขายสินค้าอื่นๆ ที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการนอนหลับที่ดี เช่น ชาสมุนไพร สเปรย์อะโรมาฉีดหมอน น้ำมันหอม เทียนหอม เป็นต้น มร.เดวิดจึงนิยามว่า "It's all about sleep" หรือร้านที่ว่าด้วยเรื่องของการนอนหลับที่สมบูรณ์ภายใต้คอนเซ็ปต์การนอนหลับสนิทช่วยให้ชีวิตดีขึ้น "เราจะเป็นผู้ช่วยให้ลูกค้าที่มีปัญหาการนอน นอนหลับได้ดีขึ้น หรือคนที่ นอนหลับดีอยู่แล้ว เราก็จะช่วยให้เขานอนหลับฝันดีขึ้นไปอีก" ร้าน Parker & Morgan ในเมืองไทย ถือเป็น Sleep Store แห่งแรกของแบรนด์นี้ เพราะในประเทศอื่นๆ แบรนด์ Parker & Morgan ถือเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ เหตุที่เลือกเปิดร้านคอนเซ็ปต์เรื่องการนอนที่เมืองไทยเป็นแห่งแรก เพราะประเทศไทยมีบุคลากรพร้อม ทั้งในแง่การผลิตและการทำตลาด ตลาดเมืองไทยก็มี การพัฒนาทางด้านรสนิยม ไลฟ์สไตล์ และให้ความสนใจและเข้าใจสินค้าที่มีคอนเซ็ปต์ง่าย อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางในเอเชีย อีกเหตุผลสำคัญก็คือ มร.เดวิดอาศัยและทำงานด้านการตลาดอยู่ในประเทศ ไทยมานานถึง 5 ปี จึงเข้าใจดีถึงวิธีการที่จะ "ดีล" กับตลาดผู้บริโภคในเมืองไทยที่พร้อมบริโภคสินค้าแบรนด์เนมที่มีคอนเซ็ปต์ ทว่า ช่วงแรกพนักงานร้านคงต้องลงแรงอธิบายมากหน่อย ถึงความสำคัญของหมอน ความแตกต่างของหมอนแต่ละแบบ และราคาที่แพงกว่า เพราะการเลือก "หมอนที่ดี" ยังเป็นสิ่งใหม่ของใครหลายคน แต่ในประเทศอย่างอเมริกา หลายคนเปรียบการเลือกหมอนเสมือนการเลือก คู่ชีวิต ที่จะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด และอย่าลังเลที่จะมองหาใบใหม่ หากหมอนใบเดิมเริ่ม "ทรยศหักหลัง" ทั้งนี้ก็เพื่อชีวิตที่ดีกว่า

ไม่มีความคิดเห็น: