วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551
วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551
ที่นอนของใคร?
วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551
วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551
Information about Kapok Fiber
Kapok is a tropical tree, native to South-East Asia and West-Africa. The word is also
used for the fibre obtained from its seed pods. The tree grows up to 70 m and has
therefore often been used as a border tree. About 400 seed pods are on a tree and
give about 2 kg of Kapok fibre.
Harvest:
The leaves are shed during the dry season and flowers appear. The fruit of the Kapok
tree turns into a capsule of about 20 cm length. The process of harvesting and
separating the fibre is labour-intensive and manual.
Processing:
Kapok is a seed fibre similar to cotton. When the seed pods are opened, the fibres
are removed and dryed in the sun. After that, seeds are separated, which can be
done either by hand or machines.
Characteristics:
Kapok is a white to yellowish fibre with good elasticity. It is 6 times as light as
cotton. Due to natural substances Kapok is resistant to mold and bacteria. Kapok
is an air-filled hollow fibre of 2-4 cm length. The fibre consists of about 80% of air
which gives a good natural thermo-regulation to any item made of Piumafil®. Due
to its fibre construction Kapok allows good air-circulation.
used for the fibre obtained from its seed pods. The tree grows up to 70 m and has
therefore often been used as a border tree. About 400 seed pods are on a tree and
give about 2 kg of Kapok fibre.
Harvest:
The leaves are shed during the dry season and flowers appear. The fruit of the Kapok
tree turns into a capsule of about 20 cm length. The process of harvesting and
separating the fibre is labour-intensive and manual.
Processing:
Kapok is a seed fibre similar to cotton. When the seed pods are opened, the fibres
are removed and dryed in the sun. After that, seeds are separated, which can be
done either by hand or machines.
Characteristics:
Kapok is a white to yellowish fibre with good elasticity. It is 6 times as light as
cotton. Due to natural substances Kapok is resistant to mold and bacteria. Kapok
is an air-filled hollow fibre of 2-4 cm length. The fibre consists of about 80% of air
which gives a good natural thermo-regulation to any item made of Piumafil®. Due
to its fibre construction Kapok allows good air-circulation.
Green Sleep
ยางเป็นวัสดุที่นำมาทำที่นอนสุขภาพจริงหรือ?
ประเทศไทยได้มีการนำยางมาทำเป็นที่นอนกว่า 30 ปีแล้ว แต่ไม่ประสพความสำเร็จเนื่องจาก
1.ที่นอนยางมีน้ำหนักมาก
2.ธรรมชาติของยางร้อนครับ จงต้องเจาะรูเพื่อระบายอากาศ
3.การทำให้ยางนิ่มนั้นต้องใช้เคมี
4.ยางมีกลิ่น
5.มนุษย์แพ้ยางเป็ยจำนวนมาก จากการใช้ถุงมือยาง
6.ที่นอนนิ่มทำให้ปวดหลัง ไม่ว่าจะใช้วุสดุใดทำก็ตาม
วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2551
ห้องนอน...บ่อเกิดโรคภูมิแพ้...
อากาศที่หายใจเข้าไปทุกขณะ นับว่ามีความสำคัญต่อร่างกาย โดยเฉพาะเวลานอนหลับ บางครั้งเราอาจมองข้ามสิ่งที่เป็นตัวต้นเหตุสำคัญของอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นอาการภูมิแพ้ โรคทางเดินหายใจ หลอดลม ทั้งละอองเกสรก็ดี เชื้อรา ฝุ่น ควันบุหรี่ ขี้แมลงสาบ ไอระเหยของสารเคมีล้วนแต่สามารถกระตุ้นภูมิแพ้และส่งผลต่อการเจ็บป่วยของร่างกายในที่สุด
การดูแลห้องนอนให้อยู่ในสภาพที่ถูกสุขลักษณะและปลอดจากสิ่งกระตุ้นภูมิแพ้ ทำได้ง่ายๆ ดังนี้
- ห้องนอนเต็มไปด้วยฝุ่นหรือไม่ การได้หลับพักผ่อนในห้องนอนที่มีอากาศสะอาดปราศจากฝุ่น จะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นหรือฟื้นคืนจากการเจ็บป่วยได้เร็วขึ้น
- พื้นห้องปูด้วยพรมหรือไม่ นับเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะพรมจะกลายเป็นแหล่งของไรฝุ่นที่เป็นตัวก่อภูมิแพ้ และดูแลทำความสะอาดได้ยากกว่าพื้นไม้หรือกระเบื้อง
- ชอบสูบบุหรี่ใช้น้ำยาหรือน้ำหอมปรับอากาศ สิ่งเหล่านี้นับเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง
- ซักและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและเครื่องนอนบ่อยแค่ไหน ไม่ว่าจะผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้านวม ควรถอดซักได้และควรเปลี่ยนอยู่เสมอ ซักทำความสะอาดด้วยอุณหภูมิที่ไม่ต่ำกว่า 50 องศาเซลเซียส เพราะอุณหภูมิที่ต่ำกว่านี้จะไม่สามารถฆ่าไรฝุ่นในเครื่องนอนได้
- เลือกใช้อุปกรณ์เครื่องตกแต่งที่มีสารเคมีที่เป็นอันตราย ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่าน สีทาผนัง ตู้ โต๊ะ พรม ควรพิจารณาเลือกซื้อชนิดที่ระบุว่าไม่ใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในการผลิต ปัจจุบันผู้ผลิตสินค้าบางประเภทเริ่มหันมาให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าว
- เปิดหน้าต่างบ้างหรือเปล่า บ้านไหนที่ใช้เครื่องปรับอากาศ ควรเปิดหน้าต่างให้อากาศในห้องได้ถ่ายเทบ้าง หรือหากปล่อยให้แสงแดดส่องเข้ามาบ้างสัปดาห์ละครั้งก็ยังดี และจะดีอย่างยิ่งถ้ามีเครื่องฟอกอากาศ หรือใช้แผ่นดักจับสิ่งแปลกปลอมในอากาศฟิลทรีตชนิดที่ใช้กับ เครื่องปรับอากาศ และต้องไม่ลืมคอยเปลี่ยนแผ่นกรองประจำตามสภาพการใช้งาน เพื่อรักษาประสิทธิภาพในการกรองอากาศให้ดีอยู่เสมอ
รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืมดูแลรักษาห้องนอนให้สะอาดอยู่เสมอ จะได้ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้กัน.
วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551
หมอนและที่นอน หากไม่ทำความสะอาดจะสกปรกขนาดไหน
คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์สกปรกกว่าห้องน้ำเสียอีก
ผลการวิจัยพบว่า คีย์บอร์ดของคอมพิวเตอร์บางเครื่อง เป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อแบคทีเรียมากกว่าที่นั่งโถชักโครกในห้องน้ำเสียอีก โดยเป็นแหล่งสะสมของเชื้อจุลินทรีย์ ที่อาจก่อให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ เช่น เชื้ออีโคไล และสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส
ผลการตรวจสอบสำนักงานหลายแห่งในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จากการสุ่มตรวจคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ 33 เครื่อง พบว่า คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ 4 เครื่องในนี้ ที่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนอีก 1 เครื่อง มีเชื้อจุลินทรีย์มากกว่าถึง 5 เท่า เมื่อเทียบกับที่นั่งโถชักโครกในห้องน้ำของสำนักงานแห่งนั้น ๆ
นักจุลชีววิทยาจากมหาวิทยาลัย คอลเลจ ลอนดอน ฮอสพิทั่ล ระบุว่า
คีย์บอร์ดที่เป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อโรค อาจทำให้ผู้ใช้งานรับเชื้อโรคเข้าไปได้ผ่านการสูดดม หรือ ใช้มือที่เพิ่งกดคีย์บอร์ด ไปจับอาหารเข้าปาก ส่งผลให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ที่สกปรก มักเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียมากเกินกำหนดถึง 150 เท่า และอาจมีเชื้อแบคทีเรียมากกว่าโถชักโครกห้องน้ำถึง 5 เท่า
นอกจากนี้ การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ร่วมกับคนอื่น ยังเป็นแหล่งแพร่เชื้อในหมู่พนักงานออฟฟิศโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว เช่น ถ้ามีพนักงานบางคนป่วยเป็นไข้หวัดในที่ทำงาน หรือ เป็นโรคลำไส้อักเสบ ก็มีแนวโน้มที่จะแพร่เชื้อให้เพื่อนพนักงานผ่านการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ร่วมกัน
การที่พนักงานออฟฟิศมักนำอาหารมานั่งกินตรงเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วเศษอาหารที่ตกหล่นไปบนคีย์บอร์ด ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เชื้อแบคทีเรียยิ่งเติบโตได้เร็วขึ้น ส่วนบางคน ที่มีสุขนิสัยไม่ดี เช่น ไม่ล้างมือหลังเสร็จกิจในห้องน้ำ แล้วมานั่งทำงานตรงเครื่องคอมพิวเตอร์ต่อทันที ก็ทำให้เชื้อโรคที่ติดมากับมือกระจายลงสู่คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ได้
ด้วยเหตุนี้ จึงมีคำแนะนำให้พนักงานออฟฟิศ ต้องกระเทาะเศษอาหารหรือสิ่งสกปรกออกจากคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์อยู่เป็นประจำ จากนั้น จึงทำความสะอาด ด้วยการใช้ผ้านุ่มๆ ชุบแอลกอฮอล์ แล้วเช็ดไปที่คีย์บอร์ด เพื่อฆ่าเชื้อโรค
ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยแอริโซนาเมื่อปีที่แล้ว พบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในสำนักงานประเทศสหรัฐส่วนใหญ่จะมีเชื้อแบคทีเรียสะสมอยู่มากกว่าถึง 400 เท่า เมื่อเทียบกับที่นั่งโถชักโครกในห้องน้ำ ส่วนบริเวณโดยรอบที่นั่งทำงานของพนักงานหญิง มักเป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรียมากกว่าโถชักโครกห้องน้ำ ประมาณ 3 ถึง 4 เท่า
ที่มา สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)